วันนี้ไป New Orleans เพื่อไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เวลานัด เก้าโมงเช้า เรากับสามีออกจากบ้านตีสี่ ไปถึงโน่นแปดโมงครึ่ง หาตึกไม่เจอ เลขที่ตึก1250 เจอ1110แล้วก็990 สามีก้ขับรถวนหาก็หาไม่เจอ กลับมาที่เดิม แล้วรถก็ติด เพราะเป็นช่วงเวลาเร่งรีบ คนขับรถออกไปทำงานกัน ไฟแดงก็ถี่ยิบเลย เรากลัวไม่ทันนัด สามีเลยให้เราลงเดินตามถนนไปเรื่อยๆ แล้วไปเจอกันที่ตึก เรากังวลมาก เดินแทบจะวิ่งเลยทีเดียว แล้วตื่นเต้นเพราะต้องเดินข้ามทางม้าลายตรงไฟแดง ที่มันมีทั้งสี่ด้านเลย ตรู..จะโดนรถชนป่าววะเนี่ย ไฟทางนี้แดง ไฟอีทางเขียว สลับกันอยู่นั่น แล้วดันไม่มีคนข้ามเป็นเพื่อนทางฝั่งเราเลย ตัดสินใจเดินข้ามอย่างรวดเร็ว งง มากกกก พอข้ามไปดันไปเจอเลขที่ตึกน้อยลงไปอีก เลยตัดสินใจถามผู้หญิงผิวขาวคนนึง กำลังเดินผ่านมา หล่อนใจดีมาก บอกให้เราเดินกลับไป 555 ตายแล๊วว ต้องข้ามถนนอีก กะเหรี่ยงน้อยผู้น่าสงสาร... แต่หล่อนก็เดินมาส่งถึงทางม้าลาย แต่ไม่พาข้าม 555 ชี้กำชับเราว่าตึกสูงๆนั้นนะ แล้วเดินเข้าไปก็ขึ้นบันไดเลื่อนเลย เราก็ขอบคุณ พอดีมีคนเดินมาจะข้ามถนน เราเลยเดินข้ามไปกับคนนั้น แหม๊ ตึกนี้ขับรถผ่าน เดินก็ผ่าน แต่ใครจะรู้ล่ะ เลขที่ตึกดันอยู้ด้านข้างแล้วกิ่งของต้นไม้ก็บังมิด แถมมีก่อสร้างด้านหน้าอีก พอเข้าไปได้ก็เดินเข้าหาหนุ่มผิวสีถามทางขึ้นลิฟท์เลย ชั้น 18 ไปถึงหน้าห้อง ยืนรอสามี ติดต่อก็ไม่ได้ สัญญาณไม่มี เลยตัดสินใจเดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ให้ถอดเข็มขัด แล้วก็วางสิ่งของในตะกร้า เข้าเครื่องสแกน พอผ่านเข้าไป Guardหนุ่มใหญ่ผิวสีเข้ามาขอคุย ถามโน่นนี่เพราะเห็นตัวเล็ก อิอิ เขาคุยสุภาพเป็นกันเองมากเลย เราขอตัวไปยื่นใบนัดก่อนเพราะกลัวไม่ทัน เจ้าหน้าที่ขอจดหมายนัด กับกรีนการ์ด แล้วเหน็บคืนมาให้พร้อมฟอร์มหนึ่งแผ่นที่ต้องกรอกเกี่ยวกับชื่อ นามสกุล ปัจจุบัน ชื่อและนามสกุลที่เคยใช้ USCIS #Aแล้วก็หมายเลขใบสมัครซิติเซ่นที่ทางUSCIS ส่งมาให้ก่อนหน้านี้ ในฟอร์มมีข้อนึงให้วงสีตา มีหลายสี แต่ไม่มีสีดำ เราก็เลยเดินไปที่เคาเตอร์เจ้าหน้าที่แล้วเอาปากกาชี้ตรงข้อสีตา ถามเจ้าหน้าที่ว่า....I don't see black. เจ้าหน้าที่หญิงพูดดังแบบไม่มองหน้าเลยอ่ะว่า Nobody has black eyes.เราเถียงในใจ มีสิ เราตาสีดำนะ ถึงได้เดินมาถามไง ...แต่ก็ต้องวงตาสีน้ำตาลไปล่ะ
พอกรอกเสร็จก็เอาไปคืนทั้งฟอร์มทั้งจดหมายและกรีนการ์ด แล้วมีเจ้าหน้าที่อีกคนรอเราอยู่ พาเข้าห้องไปพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้ว และทีละนิ้ว รวมถึงถ่ายรูป แล้วก็ให้หนังสือกับซีดีข้อสอบมาอ่านกับฟังพร้อมทั้งคืนกรีนการ์ด กับจดหมายนัด แล้วก็ให้ใบสีเหลือง ให้เราติ๊กเกี่ยวกับการบริการของเจ้าหน้าที่ในตึก เป็นอันเสร็จ ทั้งหมดดำเนินการประมาณ 15 นาทีได้ แล้วก็ขับรถอีกสี่ชั่วโมงกลับบ้าน สงสารสามีจัง เป็นโชเฟอร์ทั้งไปทั้งกลับแปดชั่วโมง แถมมาปวดหัวกับการจราจรในเมืองนี้อีก เป็นเรื่องค่อนข้างตื่นเต้นสำหรับเราสองคนเพราะเมืองที่เราอยู่เป็นบ้านนอกจริงๆเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆแบบนี้
คราวนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาท่อง เขียนข้อสอบ รอวันนัดสอบ
พอกรอกเสร็จก็เอาไปคืนทั้งฟอร์มทั้งจดหมายและกรีนการ์ด แล้วมีเจ้าหน้าที่อีกคนรอเราอยู่ พาเข้าห้องไปพิมพ์ลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้ว และทีละนิ้ว รวมถึงถ่ายรูป แล้วก็ให้หนังสือกับซีดีข้อสอบมาอ่านกับฟังพร้อมทั้งคืนกรีนการ์ด กับจดหมายนัด แล้วก็ให้ใบสีเหลือง ให้เราติ๊กเกี่ยวกับการบริการของเจ้าหน้าที่ในตึก เป็นอันเสร็จ ทั้งหมดดำเนินการประมาณ 15 นาทีได้ แล้วก็ขับรถอีกสี่ชั่วโมงกลับบ้าน สงสารสามีจัง เป็นโชเฟอร์ทั้งไปทั้งกลับแปดชั่วโมง แถมมาปวดหัวกับการจราจรในเมืองนี้อีก เป็นเรื่องค่อนข้างตื่นเต้นสำหรับเราสองคนเพราะเมืองที่เราอยู่เป็นบ้านนอกจริงๆเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่ๆแบบนี้
คราวนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตาท่อง เขียนข้อสอบ รอวันนัดสอบ
ก๊ากกกก ขอขำกะเหรี่ยงขาสั้นก่อนนะคะ เห็นภาพ วิ่งจ้ำอ้าวข้ามถนนกว้างๆ แล้วพลขับไม่เดินไปเป็นเพื่อนเหรอคะ หรือว่าไปแต่ไม่กล่าวถึง ผู้อ่านคนนี้ =>โอ้ท นึกเห็นภาพว่าถ้าพลขับไปด้วย คงจะจูงมือเดินจ้ำ แล้วกะเหรี่ยงห้อยต่องแต่งเพราะฮีกำมือแน่น ขากะเหรี่ยงลอย ก๊ากกกกกก ขำปิดท้าย ^_^
ReplyDeleteถนนไม่กว้างเลย แค่ฝั่งละสองเลนแคบๆ แต่กลัวมากเลยโอ้ท นึกถึงฝรั่งที่ไปไทยแล้วข้ามถนนบ้านเราน่ะ เขาคงกลัวเหมือนที่พี่เป็น พี่ข้ามคนเดียว ถ้าพบขับไปด้วย ไม่ได้จูงมือจ้า จับคอลาก 555
Delete